เรียนรู้ค่าแบตเตอรี่

ทำไมต้องรู้ค่าแบตเตอรี่รถยนต์?

ค่าแบตเตอรี่รถยนต์มีค่าอะไรบ้าง ที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์?


ค่า CCA คืออะไร?

ค่า CCA ย่อมาจาก Cold Cranking Amp คือ ค่าวัดความสามารถใน การจ่ายกระแสในระยะเวลา 30 วินาที เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในขณะ อุณหภูมิเย็นในระดับหนึ่ง ยิ่งมีค่า CCA มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีกําลังใน การสตาร์ทสูงขึ้นเท่านั้น กลับกันหากค่า CCA ต่ํา ก็จะส่งผลให้รถสตาร์ท ไม่ติดนั่นเอง

การวัดค่า CCA นั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ถูกกําหนด เช่น หากวัดค่า CCA ของแบตเตอรี่ 1 ลูกตามมาตรฐาน SAE จะได้ 480 แต่ ถ้าวัดตามมาตรฐาน EN แล้วจะได้ 430 เป็นต้น โดยมาตรฐานของค่า CCA มีดังนี้ มาตรฐาน SAE / มาตรฐาน EN / มาตรฐาน IEC / มาตร ฐาน DIN การเลือกใช้มาตรฐานขึ้นอยู่กับความนิยมในเขตพื้นที่นั้นๆ สํา หรับในประเทศไทย จะนิยมใช้มาตรฐาน SAE

อีกปัจจัยหนึ่ง ขึ้นอยู่กับ “ขนาด” และ “ประเภท” ของแบตเตอรี่ ซึ่งแต่ ละรุ่นจะให้กําลังไฟที่แตกต่างกัน เช่น แบตเตอรี่ ขนาด 60 แอมป์ ประเภทแบตเตอรี่แห้ง วัดค่า CCA ได้ 580 ส่วนประเภทแบตเตอรี่น้ํา วัดค่า CCA ได้ 540 เป็นต้น

หากถามว่าควรจะต้องมีค่า CCA และ ค่าแอมป์ เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับขนาด และประเภทของรถยนต์ เนื่องจากรถแต่ละประเภทต้องการกําลังไฟในการ จุดระเบิดไม่เท่ากัน อาจแบ่งง่ายๆ ได้ดังนี้

รถยนต์ขนาดเล็ก ความจุ 1500 – 1,800 ซีซี. ต้องการ 200 CCA ในการสตาร์ท / ควรเลือกใช้ แบตเตอรี่ขนาด 45 – 60 แอมป์ รถยนต์ขนาดกลาง ความจุ 2,000 – 2,500 ซีซี. ต้องการ 280 CCA ในการสตาร์ท / ควรเลือกใช้ แบตเตอรี่ขนาด 60 – 75 แอมป์ รถกระบะ รถตู้ ความจุ 2,700 – 3,300 ซีซี. ต้องกาs 300 CCA ในการสตาร์ท / ควรเลือกใช้ แบตเตอรี่ขนาด 75 แอมป์ ขึ้นไป

ค่าความจุ โวลต์ (Volt) ของแบตเตอรี่

โดยปกติ ขณะที่เราดับเครื่อง ค่าโวลต์ ควรอยู่ที่ประมาณ 12.0 – 12.8 V หากค่าต่ํากว่า 12.0 V ถือว่าเริ่มผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่เริ่ม เสื่อม (เก็บไฟไม่อยู่) หรือไดชาร์จ ชาร์จไฟเริ่มมีปัญหา ถ้าวัดค่าแรงดัน แบตเตอรี่ได้ต่ํากว่า 11.5 V ลงไป ถือว่าแบตเตอรี่เสื่อม กรณีนี้ควรเปลี่ยน แบตเตอรี่อย่างไม่ต้องมีเงื่อนไข หากจอดทิ้งไว้ อาจจะไม่สามารถสตาร์ท เครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่แบตเตอรี่ยังใหม่หรือเพิ่งเปลี่ยนอาจจะไม่ ใช่เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีกระแสไฟฟ้า รั่วลงกราวด์ ถ้าเป็นกรณีนี้ แนะนําให้ทําการตรวจสอบ

ค่าแบตเตอรี่รถยนต์ เท่าไร? ถึงควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่?

หากวัดได้ค่า CCA ได้น้อยกว่าปกติหรือต่ํากว่า 300 CCA ขาดกําลังใน การสตาร์ท อาจมีสาเหตุมาจากกําลังไฟในแบตเตอรี่อ่อนกําลังลงหรือใกล้จะ หมด จึงต้องชาร์จไฟให้เต็มแล้วค่อยวัดใหม่ แต่ถ้าชาร์จไฟแล้วยังวัดค่า CCA ได้น้อยอยู่เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่อาจจะเสีย ควรเปลี่ยนลูกใหม่ทันที่

การชาร์จแบตเตอรี่ ต้องคํานึงถึงขนาดความจุที่หลงเหลืออยู่ก่อนจะชาร์จ จึงจะกะเวลาถูกว่าควรชาร์จนานเท่าไหร่ แรงดันชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ ควรสูงจนเกินไป เพราะจะทําให้เกิดระเบิดได้ ทางที่ดีควรใช้กระแสไฟต่ําๆ แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็ยืดอายุการใช้งานให้นานกว่าการอัดไฟเข้าไปเยอะๆ ให้แบตเตอรี่เต็มเร็ว การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ควรทําอย่างน้อยสัปดาห์ ละครั้ง เพื่อหล่อเลี้ยงกระแสไฟ และช่วยให้ค่า CCAลดช้าลง ช่วยชะลอ การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่

สําหรับการใช้งานในทางปฏิบัติจริงๆ นอกจากค่าที่เราจะต้องพิจารณา ที่ได้จากการวัดค่า CCA แล้ว ยังต้องคํานึงถึง แรงดันไฟของแบต เตอรี่การประจุแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพเต็มอยู่หรือไม่ ขนาด และประ เภทของแบตเตอรี่ ขนาดแอมป์ของแบตเตอรี่ที่ต่างกัน เป็นต้น ซึ่งค่า เหล่านี้มีผลต่อค่า CCA ที่วัดได้ทั้งสิ้น